Invisalign จัดฟันแบบใส เหมาะกับใคร?

Invisalign นับว่าเป็นเทคโนโลยีการจัดฟันแบบใสที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งดารานักแสดงมักจะ เลือกการจัดฟันแบบนี้ ข้อดีของการ จัดฟันใสแบบ Invisalign นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ยังช่วยให้ไม่เห็นเครื่องมือจัดฟัน จึงทําให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

จุดเด่นอีกประการหนึ่งของการจัดฟันแบบใสคือไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์บ่อยเหมือนการจัดฟันแบบเหล็กที่ต้องพบแพทย์เดือนละครั้ง การจัดฟันแบบใสจึงเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่ต้องการให้มีเครื่องมือจัดฟันที่ติดแน่นบนผิวฟันนั่นเอง

จัดฟันแบบใส invisalign แตกต่างจากจัดฟันแบบอื่น

จัดฟัน invisalign ถือว่าเป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งวัยรุ่น ดารา คนดัง และคน ทั่วไป เพราะมีความแตกต่างจากการจัดฟันแบบอื่น ตรงที่เป็นการจัดฟันที่ออกแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ แบบ 3D ที่มองเห็นการเคลื่อนตัวของฟันไปในตําแหน่งที่ต้องการ เพื่อทําชุดจัดฟันในแต่ละชุดแต่ละขั้นตอน ใหพ้อดีกับคนไข้แต่ละคนจึงเหมาะกับคนที่มีฟันซ้อนเกฟันยื่นฟันล่างคร่อมฟันบนฟันสบอ้าหรือฟันสบ ลึกตงั้แต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่เครื่องมือมีความใสทําให้เกิดความมั่นใจและใช้ชีวิตประจําวันได้อย่าง สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ข้อดี ข้อเสีย การจัดฟันแบบใส invisalign

ข้อดีการจัดฟันแบบใส invisalign

1. ไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อย เหมือนกับการจัดฟันแบบเหล็ก
2. หมดกังวลเรื่องสุขอนามัยของช่องปาก เพราะสามารถถอดเครื่องมาทําความสะอาดได้
3. ไม่สร้างความรู้สึกระคายเคืองภายในช่องปาก จากการโดนเกี่ยวด้วยเหล็กดัดฟัน
4. มองไม่เห็นอุปกรณ์ จึงเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มให้กับคุณ

ข้อเสียของการจัดฟันแบบใส invisalign

1. ตัวเครื่องมือสามารถถอดเข้าถอดออกได้ ดังนั้น คนที่จัดฟันประเภทนี้ต้องมีวินัยในตัวเองค่อนข้างสูง หากเกิดความหละหลวมในการใส่เครื่องมือ ก็อาจจะทําให้ประสิทธิภาพของการจัดฟันลดลงได้
2.ต้องถอดอุปกรณเ์ข้า-ออกในเวลาที่ต้องรับประทานอาหารและแปรงฟัน
3. ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป ราคาจัดฟันแบบใส มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท

การจัดฟันแบบใสนั้นเหมาะกับทุกเพศทุกวัย และทุกช่วงอายุ ลดข้อจํากัดสําหรับบางอาชีพ รวมถึงบางคน ทอี่ยากจัดฟันรอบสองก็สามารถทําได้โดยไม่ต้องกลับไปจัดฟันแบบเหล็กอีกผู้ที่มีอายุมากขึ้นอยากจัดฟัน เพื่อให้ฟันเรียงสวย เพิ่มความมั่นใจ ก็สามารถจัดฟันแบบใสได้ โดยไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจําวัน

สําหรับผู้ที่สนใจในการจัดฟันแบบใส (invisalign) สามารถเข้าปรึกษาและรับคําแนะนํากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Dental Select Clinic

การทำรากฟันเทียมเจ็บมั้ย? | มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การทํารากฟันเทียม เจ็บไหม? ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการทํารากฟันเทียม คือ การ ผ่าตัดเปิดเหงือก ซึ่งอาจฟังดูน่ากลัว แต่ความจริงเเล้ว ขั้นตอนการทํารากฟันเทียมไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด เนื่องจากแพทย์จะมีการให้ยาชาเฉพาะที่หรือยาระงับความรู้สึกเจ็บในระหว่างการทํา แต่กลับกัน กระบวนการที่ทําให้คนไข้รู้สึกเจ็บที่สุด คือการถอนฟันมากกว่าการใส่รากเทียมเสียอีก เพราะการทําราก ฟันเทียมคือการใส่วัสดุรากเทียมที่ทำจากไทเทเนียมผ่าตัดฝังลงบริเวณกระดูกขากรรไกรเพื่อแทนที่ราก ฟันจริงเท่านั้น ดังนั้นอาการเจ็บปวดจากการทํารากฟันเทียมและบาดแผลจึงแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีด้านทันตกรรม ทําให้กระบวนการรักษาสะดวก ใช้เวลา น้อย และง่ายมากยิ่งขึ้น โดยที่คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บและน่ากลัว แถมปัจจุบันการทํารากเทียมยังมีตัวเลือก มากมายที่เหมาะสมกับคนไข้อีกด้วย

ใครบ้างที่เหมาะกับการทํารากฟันเทียม

🦷 ผู้ที่มีปัญหาฟันหลอ
🦷 ผู้ที่สูญเสียกระดูกรองฟันเป็นเวลานาน
🦷 ผู้ที่ใช้ฟันปลอมเเล้วรู้สึกหลวม ใส่ไม่พอดี
🦷 ผู้ที่มีปัญหาโรคเหงือกและภาวะสูญเสียฟันในขั้นรุนแรง
🦷 ผู้ที่มีปัญหาสูญเสียกระดูกบริเวณกรามหลังการสูญเสียฟัน
🦷 ผู้ที่ทําครอบฟันหรือสะพานฟันเเล้วมีปัญหา ฟันอาจโยกจนถึงขั้นจําเป็นต้องถอน

วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษารากฟันเทียม

o แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจําตัวให้ทันตแพทย์ทราบเนื่องจากทันตแพทย์อาจจําเป็นต้องให้ ยาปฏิชีวนะก่อนรับการรักษาในบางกรณี
o ตรวจสุขภาพกับทันตเเพทย์ก่อนว่าสามารถเข้ารับการรักษารากฟันเทียมได้หรือไม่
o งดรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิดที่ส่งผลทําให้เลือดหยุดไหลช้าในกรณีเป็นยาที่คนไข้ต้องรับประทานต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ประจําตัวก่อนจึงสามารถหยุดได้
o งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์อย่างน้อย7วันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
o หากมีอาการไม่สบายเป็นไข้เป็นหวัดหรือโรคอื่นๆควรรอให้หายเป็นปกติก่อนเข้ารับการรักษา
o หากคนไข้รับประทานยากลุ่มละลายลิ่มเลือดให้ทําการปรึกษาเเพทย์ก่อนการหยุดยา

ขั้นตอนการรักษารากฟันเทียม

กระบวนการรักษาทั้งหมดอาจใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเสร็จสิ้น โดยส่วนมากจะเป็นการรอ แผลสมานตัว และรอการสมานของกระดูกกับรากฟันเทียม โดยในบางกรณีหากมีการใช้กระบวนการ รักษาเพิ่มเติมอาจจําเป็นต้องใช้เวลา
นานมากยิ่งขึ้น

1)  เข้ารับการปรึกษาและตรวจช่องปากอาจมีการX-Rayและพิมพ์ปากเพื่อวางแผนการรักษาให้ เหมาะสมที่สุด

2)  ทําการเคลียร์ปัญหาช่องปากที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทํารากฟันเทียมตามวินิจฉัยของ ทันตเเพทย์ เช่น การอุดฟัน ขูดหินปูน และรักษาอาการเหงือกอักเสบ

3)  หากคนไข้มีเนื้อกระดูกเหลือเพียงพอหรือเป็นเคสที่ถอนเเล้วฝังรากเทียมได้ทันทีก็สามารถ ผ่าตัดฝังรากฟันเทียมได้เลย แต่หากมีกระดูกไม่เพียงพอ คนไข้อาจต้องเข้ารับการปลูกกระดูก รากฟันเทียมก่อน และใช้เวลารอคอยการปลูกรากฟันเทียมนานขึ้นกว่าเดิม

4)  ทันตแพทย์จะฝังรากเทียมลงบนกระดูกที่รองรับฟันและเย็บปิดปากแผลในขั้นตอนนี้อาจจะยังมี ช่องว่างระหว่างฟัน หลังการผ่าตัด แต่อย่างไรก็สามารถใช้ฟันเทียมแบบถอดได้เพื่อทดแทนฟัน ในระหว่างที่รอการสมานของกระดูก

5)  รับวันนัดหมายตรวจแผลซึ่งจะห่างออกไปประมาณ7-14วันหลังการผ่าตัด

6)  คนไข้ต้องรอประมาณ3-4เดือนเพื่อให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกได้อย่างสมบูรณ์หลังจาก

นั้นทันตเเพทย์จะทําการนําพิมพ์ปากของคนไข้ไปผลิตครอบฟัน

7)  ทันตเเพทย์นัดมาใส่เเกนฟันตัวจริงและใส่ครอบฟันหรือสะพานฟัน

8)  พบทันตเเพทย์เพื่อตรวจการสบฟันการบดเคี้ยวและทําการปรับให้เป็นปกติโดยจะมีทันตแพทย์

แนะนําวิธีการดูเเลและปฏิบัติตัวหลังการทํารากฟันเทียมให้กับคนไข้

วิธีการปฏิบัติตัวหลังการรักษารากฟันเทียม

o กัดผ้าก็อตทที่ันตแพทย์ให้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา1-1.30ชั่วโมงเพื่อห้ามเลือดจนหยุดไหลและ ไม่ควรเปลี่ยนผ้าก็อตบ่อย
o ประคบเย็นเป็นเวลา3วันบริเวณเเก้มที่ทําการผ่าตัดเพื่อลดอาการบวม
o ไม่ควรใช้หลอดดูดนํ้าหลังการผ่าตัด24ชั่วโมงแรกรวมไปถึงการสูบบุหรี่เพราะแรงดูดจะส่งผลต่อแผล
o ช่วงแรกให้รับประทานอาหารอ่อนเช่นโจ๊กหรือข้าวต้มเพื่อหลีกเลี่ยงการบดเคี้ยวอาหารและของเเข็ง
o แปรงฟันและขัดฟันได้ตามปกติแต่ให้ระมัดระวังบริเวณที่เป็นแผลผ่าตัด oรับประทานยาตามที่ทันนตแพทย์สั่งให้ครบถ้วน
o นอนหมอนสูง2-3วันแรกเพื่อลดอาการบวม
o อมนํ้าเกลือหรือนํ้ายาบ้วนปากทที่ันตแพทย์ให้หลังรับประทานอาหารและก่อนนอนเพื่อลดการติดเชื้อ
o รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้แผลสมานได้เร็วขึ้นงดแอลกอฮอล์หรืออาหารที่มีนํ้าตาลสูง
o ตรวจดูอาการเเละสิ่งผิดปกติเป็นระยะไปพบทันตเเพทย์ตามนัดและตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน

กลับมาใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ ได้ฟันสวยเหมือนใหม่ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทนเจ็บ ทวงคืนรอยยิ้ม และความสุขของคุณ กลับคืนมา ด้วย รากฟันเทียม ทางเลือกใส่ฟันของคนยุคใหม่

สําหรับผู้ที่สนใจในการรักษาฟัน สามารถเข้าปรึกษา และรับคําแนะนํากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่ Dental Select Clinic

ฟันปลอม ทำความเข้าใจเมื่อต้องใส่

ทําความเข้าใจ | เมื่อต้องใส่ฟันปลอม “ฟันปลอม”

เมื่อต้องสูญเสียฟันไม่ว่าจะด้วยจากสาเหตุใดก็ตาม หลาย ๆ คนอาจจะพบปัญหามากมายจากการ ใช้ชีวิตประจําวัน จากหลัก ๆ ที่สามารถเห็นได้ชัดเลยก็คือ การรับประทานอาหาร สําหรับบางคนที่สูญเสีย ฟันซี่ที่ไม่มีผลต่อการบดเคี้ยวมากก็อาจจะมองว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่มากนัก แต่สําหรับผู้ที่เสียฟันที่อยู่ใน ตําแหน่งบดเคี้ยว เช่น ฟันตัด ฟันกราม ซึ่งแน่นอนว่าการเสียฟันในตําแหน่งดังกล่าวไปทําให้การกัดหรือ การเคี้ยวค่อนข้างยากลําบาก และทางแก้ปัญหาในการทดแทนฟันที่สูญเสียไปที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงคือ การทําฟันปลอมนั่นเอง

ฟันปลอม หรือ ฟันเทียม เป็นฟันที่มาทดแทนฟันที่สูญเสียไป ป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับช่องว่าง บนเหงือก ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทั้งในด้านการเคี้ยวอาหาร รวมไปถึงการพูดคุย ฟันเทียมในปัจจุบันจะดู เหมือนฟันธรรมชาติ และสวมใส่สบายมากขึ้น

ฟันปลอมจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ และ ฟันปลอมแบบติดแน่น

1.ฟันปลอมแบบถอดได้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

ฟันปลอมแบบถอดได้เต็มปาก

เหมาะกับคนที่สูญเสียฟันแท้ไปหมดทั้งปาก เช่น ผู้สูงอายุ โดยลักษณะของฟันปลอมนี้จะแยกเป็นชิ้นบน ชิ้น ล่าง ข้อเสียของฟันปลอมแบบเต็มปากนี้คือ เนื้อเยื่อและกระดูกที่รองรับฟันจะมีการเปลี่ยน แปลงขณะฟื้น ตัว ซึ่งอาจทําให้ฟันปลอมหลวมได้ จึงต้องมาปรับเปลี่ยนฟันปลอมใหม่

ฟันปลอมแบบถอดได้บางซี่

เหมาะสําหรับคนที่สูญเสียฟันไปบางซี่หรือหลายซี่แต่ยังไม่หมดทั้งปากเป็นทฮี่อตฮิตมากมี2แบบคือ แบบฐานอะคริลิคและแบบฐานโลหะ แบบอะคริลิคจะมีราคาที่ถูกกว่า สะดวกในการถอนฟันเพิ่มในอนาคต แต่ ต้องระวังเรื่องการแตกหัก ส่วนฐานโลหะมีความแข็งแรง แตกหักยาก บาง และใส่สบายกว่า

2.ฟันปลอมแบบติดแน่น แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

ฟันปลอมแบบติดแน่นด้วยสะพานฟัน

เป็นฟันปลอมถาวรติดยึดแน่นในช่องปาก ไม่สามารถถอดทําความสะอาดได้ หากฟันที่จะใช้เป็นหลักยึดอยู่ ในสภาพไม่พร้อม ก็ต้องรักษารากฟันก่อน ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกอีก พูดง่าย ๆ ว่าติดถาวรเหมือนฟัน ธรรมชาติเลยและหน้าตาของสะพานฟันก็เหมือนฟันธรรมชาติมากๆไม่ต้องมีตะขอไมต่้องมีแผ่นเหงือก ปลอมให้เกะกะ

ฟันปลอมติดแน่นด้วยรากฟันเทียม

เป็นการจําลองลักษณะฟันธรรมชาติในส่วนของตัวฟันและรากฟัน เหมือนเป็นการปลูกฟันธรรมชาติที่ สูญเสียไปแล้วขึ้นมาใหม่

รากเทียม ผลิตจากวัสดุไททาเนียมที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเข้ากับร่างกายได้ดี สามารถฝัง ลงเพื่อให้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกรของคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องรากฟัน จะทําหน้าที่แทนรากฟันธรรมชาติ เพื่อรองรับ ทันตกรรมฟันปลอม,ครอบฟัน หรือ สะพานฟัน ที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมาก ที่สุดเป็นวิธกีารหนึ่งที่ช่วยรักษาการสูญเสียฟันให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดีสามารถทดแทนฟันที่สูญเสีย ไปให้กลับมาใช้งานได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ

ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีการรักษาในรูปแบบใดสิ่งที่ควรคํานึงอยู่เสมอคือความพร้อมของแต่ละคนไม่ว่าจะด้วย เรื่องสุขภาพร่างกายหรือในเรื่องของค่าใช้จ่ายสําหรับผู้ทส่ีนใจในการรักษาฟันสามารถเข้าปรึกษาและรับ คําแนะนํากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ท่ี Dental Select Clinic

รากฟันเทียม | ยี่ห้อไหนดี ? ราคาเท่าไหร่ ?

รากฟันเทียม | ยี่ห้อไหนดี? ราคาเท่าไหร่?

รากฟันเทียมยี่ห้อไหนดีที่สุด?เป็นคําถามที่ถูกถามมากที่สุดเพราะแต่ละยี่ห้อมีราคาที่ต่างกัน ออกไป รากฟันเทียมยี่ห้อไหนดีที่สุดเป็นคําถามที่ตอบยาก เพราะมีให้เลือกหลากหลาย แต่ละยี่ห้อก็มี คุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะดีไซน์รูปร่าง พื้นผิว ความแข็งแรงของสกรู

ส่วนจะเลือกรากฟันเทียมยี่ห้อไหนดี ควรจะมีข้อมูลประกอบ ว่ายี่ห้อ (Brand) ที่เลือกมีทีมพัฒนาที่มีความ ชํานาญ มีการทําวิจัย อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นยี่ห้อ (Brand) ที่มีประสบการณ์ และได้รับความนิยม อย่างแพร่หลายทั่วโลก นอกจากนั้นการบํารุงรักษาโดยเฉพาะการหาอะไหล่ทดแทนในอนาคตก็เป็นเหตุผล หลักที่ควรคํานึงถึง เพื่อให้อายุการใช้งานรากฟันเทียมสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ในตลาดปัจจุบัน รากฟันเทียมยี่ห้อหลัก ๆ ของทั้งในไทยและทั่วโลกแบ่งง่าย ๆ คือ

1.แบรนด์เกาหลี : Dentium ,Osstem,Neobiotech
2.แบรนด์กลาง : SIC ,Neodent(Straumann group,made in Brazil)
3.High End : Straumann(Switzerland),Zimmer(US),Nobel Biocare(Sweden) 4.รากเทียมที่ผลิตมาเฉพาะบุคคล : REPLICATE (Germany)

รากฟันเทียม ยี่ห้อไหนดี ??

Dental Select เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ

รากฟันเทียม Straumann

เป็นรากฟันเทียมสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์แบรนด์อันดับต้น ๆ ของโลก อยู่ในตลาดมานาน มีทันตแพทย์ เลือกใช้มากที่สุด ราคาสูง มีใช้ในคลินิกและโรงพยาบาลชั้นนํา เหมาะสําหรับผู้เข้ารับการบริการที่ไม่จํากัด เรื่องงบประมาณ มีความแข็งแรงด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในการเตรียมพื้นผิวรากเทียมช่วยให้การยึดติดกับ กระดูกขากรรไกรได้ดี จึงช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ส่งผลให้ความสําเร็จในการรักษาค่อนข้างสูง สามารถปลูกได้กับฟันทุกตําแหน่ง

Straumann ปกติ 65,000 บาทต่อซี่ (ราคารวมครอบฟัน)

ลดเหลือ 55,000 บาท

รากฟันเทียม Osstem

เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมระดับโลกเช่นกันผลิตจากประเทศเกาหลใีต้ ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีและ คุณภาพแทบจะใกล้เคียงฝั่งยุโรปอเมริกาในต่างประเทศก็พบว่ามีทันตแพทย์จำนวนมากเลือกใช้รากฟัน เทียม Osstem เช่นกัน

Osstem ปกติ 50,000 บาทต่อซี่ (ราคารวมครอบฟัน)

ลดเหลือ 38,000 บาท

สุดท้ายแล้วการเลือกใช้รากฟันเทียม ขึ้นอยู่กับความชํานาญและประสบการณ์ของทันตแพทย์ใน การเลือกใช้รากฟันเทียมแต่ละยี่ห้อให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้งบประมาณที่มี เพื่อให้คนไข้มีโอกาสเข้าถึงบริการรากฟันเทียมได้

สําหรับผู้ที่สนใจในการรักษาฟัน สามารถเข้าปรึกษาและรับคําแนะนํากับทันตแพทย์ผู้เช่ียวชาญได้ท่ี Dental Select Clinic

ไขข้อสงสัย ก่อนตัดสินใจทำ “วีเนียร์”

ไขข้อสงสัย | ก่อนตัดสินใจทํา “วีเนียร์"

วีเนียร์ (Veneer) หรือ การเคลือบผิวฟัน ถือเป็นทันตกรรมเพื่อความงามชนิดหนึ่ง ซึ่งวีเนียร์นั้นก็ คล้ายการครอบฟัน แต่มีความแตกต่างตรงที่วีเนียร์นั้นไม่ได้ครอบฟันทั้งซี่ แต่จะเป็นการนําวัสดุที่มีหน้าตา คล้ายฟันมาเคลือบผิวฟันที่มีปัญหาเฉพาะด้านหน้า การทําวีเนียร์จะช่วยให้ฟันของเราดูสวยงามเรียงตัว กันรวมถึงแปะฟันใหข้าวขึ้นด้วย

ข้อดีของการทําวีเนียร์

1.แก้ไขรูปร่างของฟัน เช่น รอยบิ่นของฟัน ฟันที่ขนาดเล็กกว่าปกติ ฟันที่มีรอยแตก

2.สามารถปกปิดการเรียงตัวของฟันที่ไม่เป็นระเบียบได้

3.สามารถแก้ไขสีฟัน ช่วยปกปิดสีฟันที่ไม่สวยให้ชวนมอง

4.สามารถฟอกสีฟันให้ขาวได้ตามความต้องการ

5.ปรับปรุงสภาพฟันที่มีปัญหาให้กลับมาดีขึ้นและใช้งานได้ตามปกติอีกครั้ง

6.ทําให้ฟันมีความแข็งแรงทนทาน ยากต่อการติดคราบเครื่องดื่มและอาหาร บุหรี่

การทําวีเนียร์มี 2ประเภทคือ

1.Traditional Veneers คือการทําวีเนียร์แบบทั่วไป มีการแต่งหรือการเจียหน้าฟันออก
2.No-Prep คือการทําวีเนียร์แบบไม่มีการเจียหน้าฟันออก แต่การทําวีเนียร์ประเภทนี้ มีข้อจํากัดสําหรับ

บางคนเท่านั้นและขึ้นอยู่กับรูปร่างฟันของแต่ละคน ที่ต้องผ่านดุลพินิจของทันตแพทย์แล้ว

วัสดุของการทําวีเนียร์ แบ่งเป็น 2 วัสดุ

1.แบบคอมโพสิท (Composite) เป็นวัสดุสีเนื้อฟัน หรือวัสดุที่ใช้ในการอุดฟันนั่นเอง แต่จะมีอายุการใช้งาน ที่น้อยกว่าแบบพอร์ซเลนเนื่องจากวัสดุอาจมีการหลุดร่อนตามระยะเวลา

2.แบบพอร์ซเลน (Porcelain) วัสดุเป็นเซรามิก จะมีความแข็งแรงทนทาน มีความวาวเป็นธรรมชาติ มีอายุ การใช้งานนานกว่า แต่มีราคาสูง

การเตรียมตัวก่อนทําวีเนียร์

1.หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีความแข็งภายใน 24 ชั่วโมงหลังการติดยึดวัสดุการ เคลือบผิวฟัน
2.สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดการบวมหรืออาการต่างๆได้โดยการบ้วนปากด้วยนํ้าเกลือ( เกลือ 1 ช้อนชา + นํ้าอุ่น 1 แก้ว) อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
3.ควรดูแลความสะอาดบริเวณที่ติดวัสดุการคลือบฟันเทียมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดโรคเหงือก
4.อาการเสียวฟันอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ปว่ยบางท่านโดยอาการดังกล่าวจะสามารถหายได้เอง

วิธีการดูแลรักษาหลังทําวีเนียร์

1.หลังจากทําวีเนียร์ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณขอบเหงือกฟันซี่ที่ได้รับการทํา วีเนียร์ เพื่อป้องกันการเกิดโรคเหงือก
2.ควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ1-2ครั้งเป็นประจําทุกวัน
3.หากเป็นไปได้ ควรบ้วนปากด้วยนํ้ายาผสมฟลูออไรด์ก่อนนอนทุกวัน โดยอมไว้ในปากอย่างน้อย 1 นาที หลังจากนั้นไม่ควรดื่มนํ้าหรือรับประทานอาหารใน 30 นาที
4.หลังจากทําวีเนียร์ ควรหลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวของแข็ง
5.พบทันตแพทย์เป็นประจําทุกๆ 6 เดือน อย่างสม่ำเสมอ

ในการทําวีเนียร์นอกจากจะช่วยแก้ปัญหา ยังช่วยทําให้ฟันเรียงตัวกันสวยงาม เพิ่มรอยยิ้มที่สวยงาม และ ยังช่วยให้ฟันมีความทนทาน เข้าไปช่วยซ่อมแซม และปกป้องฟันที่สึกหรอและถูกทําลายได้อีกด้วย

การทําวีเนียร์ต้องอาศัยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรง เพราะการทําวีเนียร์ถือเป็นการ ออกแบบรอยยิ้ม เพื่อแก้ไขสิ่งที่บกพร่องให้รอยยิ้มของคุณนั้นสวยงาม ซึ่งในแต่ละขั้นตอนในการทํา จึง ต้องใช้ความละเอียดและความเชี่ยวชาญในการักษาเป็นอย่างมากนอกจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการ รักษาแล้ว คลินิกทันตกรรมหรือโรงพยาบาลที่ให้บริการยังต้องมีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐานทั้งความ สะอาดและมีความปลอดภัยอีกด้วย

สําหรับผู้ที่สนใจในการทําวีเนียร์สามารถเข้าปรึกษาและรับคําแนะนํากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่

Dental Select Clinic